- 30.00 KB
- 2022-06-16 11:50:45 发布
- 1、本文档共5页,可阅读全部内容。
- 2、本文档内容版权归属内容提供方,所产生的收益全部归内容提供方所有。如果您对本文有版权争议,可选择认领,认领后既往收益都归您。
- 3、本文档由用户上传,本站不保证质量和数量令人满意,可能有诸多瑕疵,付费之前,请仔细先通过免费阅读内容等途径辨别内容交易风险。如存在严重挂羊头卖狗肉之情形,可联系本站下载客服投诉处理。
- 文档侵权举报电话:19940600175。
指鹿为马成语故事中国成语故事泰语版之指鹿为马和杞人忧天รหัส:ชื่อจีน:ชื่อไทย:12
คนเมืองฉี่กังวลต่อฟ้า(杞人忧天)ในสมัยอดีตกาลรัฐฉี่(สมัยโจวปัจจุบันอยู่ในมณฑลหูหนาน)มีชายผู้หนึ่งเป็นคนขี้ขลาดตาขาวและสติไม่ค่อยสมประกอบ12
เขามักจะขบคิดอยู่กับปัญหาแปลกประหลาดและเป็นปัญหาที่เมื่อเอาไปถามใครก็ทาให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเป็นคาถามที่ไร้สาระหาแก่นสารไม่ได้อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเขารับประทานอาหารค่าเสร็จแล้วก็ถือพัดออกไปนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านและราพึงราพันกับตัวเองว่า“ถ้าวันใดวันหนึ่งฟ้าถล่มลงมาแล้วเราจะทายังไงดีนะจะหนีก็คงหนีไม่ทันต้องโดนฟ้าทับตายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่แน่ๆ”12
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็เอาแต่วิตกกังวลอยู่กับปัญหานี้เพื่อนฝูงเมื่อเห็นว่าสติเขาเริ่มฟั่นเฟือนลงไปทุกวันๆหน้าตาก็เศร้าหมองอมทุกข์ก็ต่างเป็นห่วงเป็นใยและช่วยกันเตือนสติชายผู้นี้ว่า“เพื่อนท่านอย่ามานั่งวิตกกังวลกับปัญหาแบบนี้เลยท้องฟ้าไม่มีทางถล่มลงมาหรอกหรือถ้าสมมติว่าฟ้าถล่มลงมาจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านเพียงคนเดียวมาขบคิดวิเคราะห์แล้วสามารถแก้ไขได้เพราะใต้ฟ้าก็ไม่ได้มีท่านเพียงคนเดียวปล่อยวางเสียเถอะ”12
อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะตักเตือนหรือปลอบใจอย่างไรชายชาวเมืองฉี่ผู้นี้ก็ไม่เชื่อยังคงวิตกกังวลกับปัญหานี้ต่อไปต่อมาคนยุคหลังได้นาเรื่องเล่านี้มาตั้งเป็นสุภาษิตฉี่เหรินโยวเทียนแปลตรงตัวคือคนเมืองฉี่กังวลต่อฟ้าโดยในเรื่องคือคนเมืองฉี่กลัวฟ้าถล่มใช้เปรียบเทียบผู้ที่มัววิตกกังวลอยู่กับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้หรือเรื่องที่ไม่มีที่มาที่ไปไร้สาระ12
ชี้กวางเป็นม้า(指鹿为马)ในสมัยฮ่องเต้องค์ที่2ของราชวงศ์ฉิน12
มีขันทีนามว่าเจ้าเกา(赵高)เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงเฝ้าคิดช่วงชิงบัลลังก์ฮ่องเต้แต่อย่างไรก็ตามในราชวังก็ยังคงมีขุนนางที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้อยู่ไม่น้อยที่เป็นเสี้ยนหนามของเจ้าเกาดังนั้นเจ้าเกาจึงคิดหาวิธีที่จะทดสอบว่าตนเองมีบารมีมากน้อยแค่ไหนรวมทั้งยังสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นปรปักษ์ต่อเขาวันหนึ่งขณะที่ฮ่องเต้กาลังออกว่าราชการเจ้าเกาให้คนจูงกวางเข้ามาในเขตพระร12
าชฐาน1ตัวแล้วเขาจึงกราบทูลต่อฮ่องเต้ว่า“กระหม่อมได้นาม้าลักษณะดีตัวนี้มาถวายต่อพระองค์”ฮ่องเต้ได้ฟังก็คิดในใจว่านี่มันกวางชัดๆจึงตรัสกับเจ้าเกาว่า“เจ้าเกาท่านผิดแล้วนี่มันกวางชัดๆใยท่านบอกว่าเป็นม้า”แต่อย่างไรเสียเจ้าเกาก็ดันทุรังว่าสัตว์ที่ตนเองนามานั้นเป็นม้าอย่างแน่นอนทาให้ฮ่องเต้เริ่มหวั่นไหวในใจตรัสถามว่าหากเป็นม้าทาไมมีเขายาวเมื่อเห็นดังนั้นเจ้าเกาก็ดาเนินตามแผนที่วางไว้12
กล่าวคือหันไปทางขุนนางน้อยใหญ่ที่อยู่ในที่นั้นและกราบทูลฮ่องเต้ว่า“หากพระองค์ไม่เชื่อสามารถสอบถามเหล่าขุนนางพวกนี้ได้ว่าแท้จริงแล้วสัตว์ตัวนี้คืออะไร”พลันเหล่าขุนนางก็เข้าใจแผนการของเจ้าเกาที่ต้องการตรวจสอบว่ามีคนคิดเป็นปรปักษ์กับเขาหรือไม่บรรดาขุนนางน้อยที่ขี้ขลาดตาขาวหลายคนต่างก้มหน้านิ่งไม่กล้าพูดจาเนื่องจากไม่กล้าขัดใจเจ้าเกาแต่ทางหนึ่งก็ไม่อยากกล่าวคาที่เห็นชัดๆว่าเป็นเท็จออกมา12
มีขุนนางซื่อสัตย์บางคนยืนยันว่าที่เห็นอยู่เป็นกวางอย่างแน่นอนและอีกหลายคนที่เป็นคนของเจ้าเกาหรือคิดที่จะสวามิภักดิ์ต่อเจ้าเกาก็ตอบว่าที่เห็นนั่นคือม้าอย่างมิต้องสงสัยด้วยแผนการนี้ขันทีโฉดจึงสามารถแบ่งแยกขุนนางในวังได้ว่าใครเป็นพวกเดียวกับเขาและใครไม่ใช่หลังจากนั้นจึงค่อยๆหาวิธีการกาจัดคนที่ไม่คิดสวามิภักดิ์ต่อตนออกไปจนหมดสิ้น12
ปัจจุบันใช้สานวนนี้เพื่อเปรียบเทียบการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงกลับขาวเป็นดากลับดาเป็นขาว12
百度搜索“就爱阅读”,专业资料,生活学习,尽在就爱阅读网92to.com,您的在线图书馆12